มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตใบกัญชาสายพันธุ์ฝอยทองภูผายล รุ่นแรก ตาม “โครงการผลิตกัญชาคุณภาพ เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์” พร้อมตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งต่อโรงพยาบาลคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ในลักษณะใบกัญชาแห้งจำนวน 100 กิโลกรัม เพื่อใช้ผลิตยาสมุนไพรไทย 9 ตำรับเชิงพาณิชย์ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อไป
ที่สวนเกษตรเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา บรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นประธานในพิธีเก็บเกี่ยวใบกัญชา มทส. รุ่นแรก พร้อมด้วยศาสตราจารย์ (เกียรติคุณ) ดร.นันทกร บุญเกิด นักวิจัยหลัก ซึ่งที่ผ่านมา มทส.ได้ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทย ขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อมการผลิตกัญชาแพทย์แผนไทย ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อปลูกวัตถุดิบกัญชา การตรวจสอบคุณภาพ การใช้พื้นที่แปรรูป การวิจัยยาสมุนไพรที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีสำหรับทำยาสมุนไพรที่ได้คุณภาพ และถูกต้องตามมาตรฐานสากล
มหาวิทยาลัยจึงได้เริ่มโครงการวิจัย “การผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์”มีการวางแผนการผลิต แผนการจําหน่าย และแผนการใช้ประโยชน์ ผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามลำดับ ปัจจุบันถือได้ว่า มทส. เป็นสถาบันการศึกษา ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาเพื่อการวิจัยใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บนพื้นที่ 15 ไร่ ภายในสวนเกษตรเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา บรมราชกุมารี ได้รับอนุญาตปลูกจำนวน 3,360 ต้นต่อรอบการผลิต เก็บเกี่ยวผลผลิตสดรวมนำหนักกว่า 2,000 กิโลกรัม
ด้านศาสตราจารย์ (เกียรติคุณ) ดร.นันทกร บุญเกิด นักวิจัยหลักโครงการฯ เปิดเผยว่า “นับจากที่ได้ดำเนินการย้ายต้นกล้ากัญชาสายพันธุ์ฝอยทองภูผายล สกลนคร เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา เข้าภายในโรงเรือนเพื่อการปลูก ขนาด 5 x 100 เมตร จำนวน 2 โรง แบ่งออกเป็นโรงเรือนสำหรับปลูกในกระถาง 1,500 กระถาง และโรงเรือนสำหรับปลูกแบบลงดิน 1,860 ต้น รวมพื้นที่ในการปลูก 3,090 ตารางเมตร วางระบบน้ำหยด พร้อมระบบระบายอากาศ ตามหลักมาตรฐานเข้าสู่สัปดาห์ที่ 8 พบว่า ต้นกัญชาเจริญเติบโต มีลำต้นและใบที่สมบูรณ์ มีความสูงเฉลี่ย 1.5 เมตร
แม้ที่ผ่านมาจะพบอุปสรรคทางธรรมชาติ เช่น สภาพอากาศที่อุณหูภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และพายุฝนเมื่อสองเดือนผ่านมา จากการดูแลอย่างใกล้ชิดภายในโรงเรือนระบบปิด สามารถควบคุมอุณหภูมิและระดับความชื้นที่จะส่งผลการกระทบต่อการเจริญเติบโตได้เป็นที่น่าพอใจ เป็นไปตามแผนการใช้ประโยชน์ กระทั่งสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวใบกัญชาสดได้ตามกำหนด โดยในรอบแรกจะทำการเก็บใบสดที่สมบูรณ์ คือ ใบที่มีลักษณะ 7 แฉก เป็นใบใต้กิ่งช่วงกลางลำต้น เรียกว่า “ใบเพสลาด” (ใบ-เพ-สะ-หลาด) โดยช่วงเวลาเก็บที่ดีที่สุดคือ 03.00 - 06.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ให้สารออกฤทธิ์ทางยาคุณภาพดี โดยการเก็บเกี่ยวในครั้งนี้เบื้องต้น จะเก็บจำนวน 1,000 กิโลกรัม ก่อนจะทำการพึ่งลมเพื่อให้ได้ใบกัญชาแห้งในรอบแรกที่น้ำหนัก 100 กิโลกรัม
จากนั้นจะเป็นการเก็บเกี่ยวในส่วนของดอก กิ่ง และลำต้นตามลำดับ ซึ่งจะเสร็จสิ้นประมาณเดือนกันยายน 2563 เพื่อส่งมอบให้โรงพยาบาลคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โรงพยาบาลเครือข่ายกรมการแพทย์แผนไทย พัฒนาต่อยอดผลิตยาสมุนไพรไทยสู่เชิงพาณิชย์ จำนวน 9 ตำรับ คือ ตำรับศุขไสยาศน์, ตำรับทำลายพระสุเมรุ, ตำรับยาทาริดสีดวงทวารและโรคผิวหนัง, ตำรับยาแก้ลมแก้เส้น, ตำรับยาแก้ลมขึ้นเบื้องสูง, ตำรับยาแก้ลมเนาวนารีวาโย, ตำรับยาไพสาลี, ตำรับยาอไภยสาลี และตำรับยาแก้นอนไม่หลับ/ยาแก้ไขผอมเหลือง เป็นไปตามแผนการผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
พร้อมกันนี้ คณะนักวิจัยจะได้รวบรวมองค์ความรู้ทางวิชาการด้านต่างๆ เพื่อเตรียมการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องแก่วิสาหกิจชุมชน นับแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว รวมถึงการแปรรูปวัตถุดิบกัญชาคุณภาพ เพื่อให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน รวมถึงการเตรียมศึกษาวิจัยการพัฒนาแพลตฟอร์มกระบวนการผลิตสารสกัดจากกัญชาให้มีความบริสุทธิ์สูงระดับโมเลกุลด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และในอนาคตจะได้จะผลักดันให้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เกิดการขับเคลื่อนให้มีแผนกแพทย์แผนไทย เพื่อนำผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์สู่การใช้ประโยชน์เพื่อการบำบัดรักษาโรคต่อไป
ข่าว/ภาพ สมพล พัฒนคุณานนท์